จังหวัดศรีสะเกษ

“ แดนปลาสารทขอม  หอมกระเทียมดี  มีสวนสมเด็จ  เขตดงลำดวน หลากล้วนวัฒนธรรม  เลิสล้ำสามัคคี  ”

วันนี้ผมจะมาแนะนำแหล่งท่องเที่ยว จังหวัดศรีสะเกษ  ( บ้านเกิดผมเอง   มาเที่ยวก็แวะมาหาบ้างเน้อ  จะเลี้ยงต้มไก่  ศรีสะเกษกันเอง ไม่ต้องเกรง ใจกัน )   จังหวัดศรีสะเกษ มีแหล่งท่องเที่ยว หลากหลายไม่แพ้จังหวัดอื่นเหมือนกัน  แต่ที่ขึ้นชื่อหน่อยก็จะเป็น  การเที่ยวชม โบราณสถาน ต่างๆ   อาชีพส่วนใหญ่ของคนในจังหวัดศรีสะเกษ จะเป็น เกษตรกรรม เป็นหลักทำให้ตลาดผัก ของจังหวัดมีผักที่สดและหลากหลาย มาวาง ขาย ตลาดสดร่มมะเกลือ เป็นแหล่งร่วมผักทั้งนำเข้าและส่งออก

ก่อนจะเที่ยวเรามาดูประวัติคร่าวๆ ของ จังหวัดศรีสะเกษ กันครับ

จังหวัดศรีสะเกษ  เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(  ภาคอีสาน  ) ของประเทศไทย  มีเนื้อที่ประมาณ 8,840 ตาราง กิโลเมตร  มี 22 อำเภอ  และมีประชากร ปรัมาณ 1.45 ล้านคน ประกอบด้วยกลุ่มชาติพันธุ์หลากหลาย ซึ่งพูดภาษาถิ่นต่าง ๆ กัน อาทิ ภาษาถิ่นอีสาน, ภาษากูย, ภาษาเยอ และภาษาเขมร  ต้นไม้ประจำจังหวัด คือ ต้นลำดวน และดอกไม้ประจำจังหวัดคือ ดอกลำดวน  

แหล่งท่องเที่ยวโบราณคดีและประวัติศาสตร

  1.ปราสาทสระกำแพงใหญ่ อำเภออุทุมพรพิสัย 

 

 

ปราสาทสระกำแพงใหญ่ หรือ ปราสาทศรีพฤทเธศวร ตั้งอยู่ในบริเวณวัดสระกำแพงใหญ่ ถนนประดิษฐ์ประชาราษฎร์ หมู่ 1 ตำบลสระกำแพงใหญ่ อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษอยู่ทางทิศตะวันตกของ สถานีรถไฟอำเภออุทุมพรพิสัย ห่างออกไปประมาณ 1 กม.

          สภาพทั่วไปของปราสาทสระกำแพงใหญ่ประกอบด้วยระเบียงคดรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้าง 49 เมตร ยาว 67 เมตร ล้อมรอบกลุ่มปราสาทอิฐและบรรณาลัย รวมทั้งหมด 6 หลัง จากภาพถ่ายทางอากาศ ชี้ให้เห็นว่าปราสาทสระกำแพงใหญ่น่าจะมีชุมชนรายรอบอย่างหนาแน่น ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ห่างออกไปประมาณ 400 เมตร มีสระน้ำรูปสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ เรียกว่า "สระกำแพง" สันนิษฐานว่าน่าจะขุดขึ้นเมื่อครั้งสร้างปราสาท ส่วนทางทิศตะวันออกมีลำห้วยเล็กๆไหลผ่าน คือ ห้วยตาเหมา ซึ่งเป็นลำห้วยสาขาที่แยกออกมาจากห้วยสำราญ

องค์ประกอบของปราสาท

1. บาราย บารายคือสระน้ำ นับเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของศาสนสถานประเภทปราสาทหิน เนื่องจากจะต้องใช้นำในการประกอบศาสนพิธี ปกติบารายจะอยู่รอบ หรือทางทิศตะวันออกของศาสนสถาน บารายที่อยู่รอบศาสนสถานนั้นเป็นการจำลองเขาพระสุเมรุที่ล้อมรอบด้วย มหาสมุทรทั้ง 4 ด้านตะวันออกเป็นด้านที่ศาสนิกชนเข้าเฝ้าเทพเจ้า ซึ่งมักจะต้องตักน้ำเพื่อไปสรงศิวลึงค์หรือชำระพระบาทเทพเจ้า บารายที่ปราสาทสระกำแพงใหญ่นี้อยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันออกประมาณ 500 เมตร ปัจจุบันไม่เหลือสภาพแล้ว
2. ระเบียงคต ระเบียงคตเป็นกำแพงของศาสนสถานที่ล้อมรอบอาคารศาสนสถานไว้ภายใน ระเบียงคตนี้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 49 เมตร ยาว 67 เมตร ระเบียงคตมีซุ้มประตูโคปุระ (ซุ้มประตู) ทั้ง 4 ด้าน คือ ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ฐานและผนังก่อด้วยศิลาแลงกรอบประตูหน้าต่างทำด้วยหินทรายภายในมีช่องทางเดิน กว้าง 3 เมตร สภาพส่วนใหญ่คงเหลือแต่ฐานและผนังบางส่วนเท่นั้น ส่วนที่เป็นหลังคาพังทลายเสื่มสภาพไปแล้ว
3. บรรณาลัยหรือวิหาร ภายในระเบียงคตเมื่อผ่านซุ้มโคปุระด้านทิศตะวันออกเข้าไปจะพบอาคาร 2 หลัง หันหน้าไปทางทิศตะวันตก อาคารทั้งสองก่อด้วยอิฐไม่สอปูน ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีมุขยื้นออกมาด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลังก่อเป็นอิฐทึบแต่แซะร่องให้มีลักษณะเป็นประตูปลอมเลียน แบบประตูจริง อาคาร 2 หลังนี้เรียกว่าวิหารหรือบรรณาลัย เปรียบได้กับหอตรัยของพุทธศาสนา คือใช้เป็นที่เก็บคัมภีร์ทางศาสนา ซึ่งถือว่ามีความสำคัญไม่น้อยกว่ารูปเคารพ
4. ปรางค์ ปรางค์หรือปราสาท เป็นศูนย์กลางของศาสนสถาน เป็นที่ประดิษฐานของรูปเคารพ ปราสาทสระกำแพงใหญ่ประกอบด้วยปรางค์ 4 หลัง คือ ปรางค์หลังทิศเหนือ ทิศใต้ โดยมีปรางค์ประธานอยู่ตรงกลาง ปรางค์ทั้ง 3 หลังนี้ตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน

นอกจากนี้ยังมีปรางค์เดี่ยวอีกหนึ่งหลังอยู่ทางทิศตะวันตกค่อนไปทางทิศ ใต้ภายในระเบียงคต (ที่มีปรางค์หลายหลังเนื่องจากศาสนาฮฺนดูนับถือพระเจ้าหลายองค์ จึงต้องมีที่ประดิษฐานรูปเคารพหลายหลัง) ปรางค์ทั้งหมดมีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาด 4 x 4 เมตร สำหรับปรางค์ประธานมีมุขยื่นออกมาด้านหน้า ปรางค์ทุกหลังหันหน้าไปทางทิศตะวันออก และมีประตูเข้าออกเพียงด้านเดียว นอกนั้นทำเป็นประตูปลอม

 

2.ปราสาทสระกำแพงน้อย อ.อุทุมพรพิสัย

 ปราสาทหินสระกำแพงน้อย ตั้งอยู่ภายในวัดสระกำแพงน้อย ติดกับถนนสายอุทุมพรพิสัย-ศรีสะเกษ (หมายเลข 226) ในเขตตำบลขยุง อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 18

ปราสาทสระกำแพงน้อย เป็นปรางค์เดี่ยวสร้างด้วยศิลาแลงรูปสี่เหลี่ยมย่อมุม สูงประมาณ 11 เมตร ศิลปะการก่อสร้างแบบขอม ใช้เป็นเทวสถานสำหรับบูชาเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์ ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างที่สำคัญ คือ

1. ปราสาทประธาน
2. วิหาร
3. กำแพงแก้ว
4. ซุ้มประตู
5. สระน้ำ

**ซักขี้เกียจ ลงข้อมูลแล้วสิ ขอจัดรูปอย่างเดียวก่อนเลยแล้วกัน อิอิ ต้องการราละเอียดตรงส่วนไหน คอมเม้นไว้เลยเด๋วหามาให้ **

 

หลังจากทำตัวขี้เกียจไปหลายวัน  กลับมาอัพเดด บล็อกอีกครับ เลยเอาอาหารอีสาน บ้านเฮามาฝาก  

  นั้น ก็ คือ..........................ลาบเทาพูดแล้วน้ำลาย หลายคนลงไหลเลยสิท่า  ( คิดฮอตบ้านเด้  บางคนกำลัง คิด ซิมิ )

เทา  เมื่อก่อน หาได้ง่ายตามสระน้ำในท้องนาศรีสะเกษบ้าน เรา แต่ทุกวันนี้ มันเริ่มลดน้อยถอยลงทุกที เพราะเราใช้สารเคมีในการทำการเกษตร กันเยอะไปหน่อย (แต่ยังมีบางทีปลูกข้าวอินทรีย์ เลยมีเทาให้กินเยอะ เลย บ้านผมเริ่มห่างหาย แล้ว)  ถ้ากลับบ้านรอบไหน ได้กินลาบเทาละก็มันช่าง สุดยอดซะนี่ กะไร

นี่คือหน้าตา ของ เทาใครไม่เคยเห็น ดูไว้ เด๋วอีกสัก ๑๐ ปีมันคง จะสูญพันธ์

ลาบเทา หน้าตาหน้ากิน  

เคดิส รูปภาพ ตาม นั้นเลยครับ 

       วิธีการทำลาบเทานั้นก็ไม่ได้ยากอะไรมากนัก สูตรใคร  สูตรเรา อร่อยต่าง กันไป มาดูสูตรของผม กันบ้าง

        ขอเสนอ  ลาบเทาใส่ดักแด้  เข้ากันนักสูตรนี้  ของโปรดผมเลย  

      

วัสถุดิ และเครื่องปรุงดังนี้

  ๑.เทา 

  ๒.ดักแด้

  ๓.หอมแดงซอย

  ๔.สารแหน่ 

  ๕.หอมเป  ( ภาษากลางเรียงไงหว่า ยี่หร่า รึเปล่าน๊า )

  ๖.มะเขือลาย หั่น

  ๗.น้ำปลา

  ๘.น้ำปลาร้าสุก

  ๙.พริกป่น 

  ๑๐. ข้าวคั่ว

 ๑๑.ข่าหั่น ลูกเต๋า  (ใส่ได้ตามชอบ แต่สำหรับผมขาดไม่ได้เลยทีเดียว)

เครื่องปรุงพร้อม  เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม  แล้วเรามาลุยกัน

  ๑.นำเทาที่ล้างสะอาดแล้ว มาหั่น ให้ความยามสักสองข้อนิ้วมือ หรือตามถนัด (มันกะไม่ถูกแหะ) เสร็จแล้ว ลวกด้วยน้ำร้อนสักเล็กน้อย ไม่ต้องเอาไปต้มนะ ลวกก็พอ  เสร็จแล้วใส่หม้อ ไว้รอเครื่องปรุงเลย

 ๒.นำ ดักแด้ โดยกะประมาณ ๑ ใน ๓  ของเท่า ใส่ลงไปในครก ใส่พริกป่น ลงไปมากน้อยแล้วแต่ชอบ ตำให้ดักแด้ แตกพอ หยาบๆ ไม่ต้องละเอียดมาก  เสร็จแล้ว ใส่ถ้วยไว้  

 ๓.นำน้ำปลาร้า ที่ เตรียมไว้ เท่ใส่ลงไปผสมกับ ดักแด้ คนให้ดักแด้กับน้ำปลาร้าเข้ากัน ปรุงรสด้วยผงชูรสเล็กน้อย ชิมให้ออกรสเค็มเล็กน้อย เสร็จแล้ว เทผสมกับเทาที่เตรียมไว้ คนให้เข้ากัน 

  ๔.เทส่วนผสมที่เหลือคงไป หอมแดงซอย  มะเขีอยาว หอมเป สาระแหย่  ข่า ถ้ามีต้นหอมสดหั่นใส่ลงไปด้วยจะดีมาก  ข้าวคั่ว  คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน   ปรุงรสด้วยน้ำปลา   เป็นอันเสร็จ  ใครชอบแบบไหนก็ตามใจชอบ เลยครับปรุงเอา  ถ้าหาดักแด้ ไม่ได้ ก็ปลาทูนึ่ง  ปลากระป๋อง( อันนี้ ทีเด็ดเหมือนกัน )

 เป็นไง ละเสร็จรึยัง ขอให้อร่อยๆ กับสูตรเด็ดฝีมือตัวเองนะครับ ใครมีสูตร จะแนะนำเชิญคอมเม้นด้านล่าง เลยครับ